มิติหุ้น – นายดนัย อรุณกิตติชัย Assistant Managing Director-Fund Management Group บล.บัวหลวง เปิดเผยว่า ในปี 66-67 ภาพรวมเศรษฐกิจโลกรวมถึงสหรัฐฯจะชะลอตัวลง ขณะที่ฝั่งยุโรปมองว่าปี 66 จะชะลอตัวลง แต่จะเริ่มฟื้นตัวขึ้นในปี 67 ส่วนเศรษฐกิจจีนจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นนับตั้งแต่ปี 66 เป็นต้นไป
ขณะที่ Mr. John Pellegry Product Director บริษัท อินเวสโก (Invesco) เป็นบริษัทบริหารการลงทุนสัญชาติอเมริกัน ประเมินว่า ตลาดทุนเอเซียในปี 65 เหมือนพายุลูกใหญ่ที่มีปัจจัยเชิงลบอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น รวมถึงจีนที่มีมาตราการ Zero COVID ส่งผลให้ตลาดในเอเซียได้รับผลกระทบเชิงลบไปด้วย
อย่างไรก็ตามในปี 66 นี้ บริษัทมองว่าจะเริ่มกลับมาดีขึ้น เนื่องจากจีนกลับมาเปิดประเทศ และอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงของฝั่งสหรัฐฯ รวมถึงปัจจัยเชิงลบที่เบาบางลง
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในปี 66 ให้เลือกลงทุนใน “หุ้นที่มีงบการเงินที่ดีและอัตราการเติบโตสูง” รวมถึงหุ้นหรือกลุ่มหุ้นที่มีอำนาจต่อการกำหนดราคาสินค้าได้
ด้าน Mr. Yuichi Murao CFA บล.โนมูระ พัฒนาสิน ยังคงประเมินอีกว่า ในปี66 ตัวเลข GDP ของทางฝั่งญี่ปุ่น คาดว่าจะเติบโตสูงกว่าทางฝั่งสหรัฐฯ และยุโรป โดยมองว่าประชากรในญี่ปุ่นเองมีกำลังใช้จ่ายจำนวนมาก ทำให้ทางญี่ปุ่นออกมาตราการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของคนในประเทศมากขึ้น ส่งผลให้ Demand ของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับประเด็นที่น่าติดตาม คือ ธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือ BOJ มีแนวโน้มเปลี่ยนผู้ว่าธนาคารกลางคนใหม่ ทำให้ในช่วงเดือนก.พ.66 ติดตามการตัดสินใจในเรื่องของค่าเงินเยน และพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น
นอกจากนี้ Mr. Kiattipoom Thirapatsakun Intermediary Sales-South East Asia บริษัท Fidelity ประเมินว่า หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวจะกลับมาคึกคัก ภายหลังจีนเปิดประเทศ ทำให้ดีมานเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้หุ้นกลุ่มนี้ได้รับอานิสงส์เชิงบวก จากการที่นักท่องเที่ยวจากจีนและประเทศอื่นๆเริ่มจองตั๋วเครื่องบิน และโรงแรมมากขึ้น
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://demo.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon