BEC รับอานิสงส์สื่อทีวีฟื้น กำไรปี 66 โต 29% โบรกแนะซื้อ เคาะเป้า 12.50 บาท

191

มิติหุ้น-BEC โดยบล.หยวนต้า(ประเทศไทย) คาดกำไรปกติ Q4/65 ที่ 131 ล้านบาท +17%QoQ -56%YoY ผลประกอบการฟื้นตัว QoQ ตามอัตราการขายสื่อโฆษณาหรือ Utilization rate ที่ปรับเพิ่มขึ้น จาก 70% เป็น 72% ขณะที่ และคาดจะรับรู้รายได้จากภาพยนต์ “บัวผันฟันยับ” เข้ามาบางส่วน (เข้าฉาย 24 พ.ย. 65) ส่วนรายได้จากการขายคอนเทนต์ทรงตัว ขณะที่เทียบ YoY ยังชะลอตัวจากฐานที่สูง ซึ่ง Utilization rate ของงวด Q4/64 อยู่ระดับสูงกว่าที่ 75% ขณะที่ราคาขายหรือ Ad rate ใกล้เคียงเดิม ยังไม่สามารถปรับขึ้นราคาได้เนื่องจากกาลังซื้อลูกค้าที่หายไป และรายได้จากการขายลิขสิทธิ์ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่ต้นทุนต่า มีรายได้ลดลง 20%YoY ส่งผลให้รายได้รวมลดลง 17%YoY เหลือ 1,330 ล้านบาท ด้าน EBITDA Marginปรับลดลงจาก 64.1% เหลือ 51.7%

คาดหวังผลประกอบการฟื้นตัวตั้งแต่ Q2/66
ช่วงต้นปีพบว่ากำลังซื้อกลุ่มทีวีดิจิทัลยังไม่กลับมาเต็มที่ เนื่องจากผู้ประกอบการและเอเจนซีโฆษณามี
ปัจจัยเสี่ยงความกังวลมีเรื่องที่อาจกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจของประเทศไทยจึงชะลอการใช้งบ
โฆษณา ซึ่งเราคาดสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้นใน Q2/66 ไป ซึ่งสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลาย

ขณะที่เข้าสู่ช่วงเลือกตั้ง คาดหวังว่าผู้บริโภคจะกลับมาดูทีวีกันมากขึ้น ขณะที่จะมีรายการละครและรายการใหม่ๆออก
ฉายมากขึ้น เพื่อเพิ่มเรทติ้งและเรทโฆษณา สำหรับธุรกิจเพลง บริษัทมีแผนเปิดตัวนักร้องภายใต้สังกัด
ของบริษัทเพิ่มเติมอีก 2-3 ราย จากปัจจุบันที่มีการเปิดตัวไปแล้ว อาทิ แต้ว-ณฐพร และโบว์ เมลดา ที่
ได้รับการตอบรับที่ดี

ภาพรวมปี 2566 เรามองว่าอุตสาหกรรมโฆษณาผ่านสื่อทีวีฟื้นตัวราว 7%YoY ตามภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และผลบวกจากการเปิดประเทศและคลายล็อคดาวน์เต็มรูปแบบ จะทำให้มีรายได้เพิ่มจาการจัดอีเว้นท์ และคอนเสิร์ตเข้ามาเสริม เราคงประมาณการกำไรปกติปี 2566 ที่ 735 ล้านบาทเติบโต 29%YoY

ปรับกลยุทธระยะกลาง –ยาว ก้าวสู่ “ธุรกิจคอนเทนต์ครบวงจร”
ระยะกลาง -ยาว บริษัทมีการปรับกลยุทธ์ เพิ่มสัดส่วนรายได้นอกจากทีวีมากขึ้น ทั้งจากดิจิทัลแพตฟอร์ม
ตลาดเพลง จากปัจจุบันรายได้หลักราว 87-88% มาจากธุรกิจทีวี และมีเพียง 12% ที่มาจากธุรกิจดิจิทัล
แพลตฟอร์มและธุรกิจต่างประเทศ (global content licensing) แต่อนาคต 5 ปีข้างหน้ารายได้จากธุรกิจ
ทีวีจะลดลงมาอยู่ที่ 50% ในขณะที่รายได้อื่น ๆ รวมกัน (non-TV business) จะเป็น 50% โดยบริษัทมี
แผนยกระดับการพัฒนาละครของบริษัทให้มีมาตรฐานในระดับอินเตอร์เพิ่มเติม โดยผ่านบริษัทลูกคือ
“BEC STUDIO” หวังขยายฐานผู้ชมไปยังประเทศต่างมากขึ้น รวมทั้งต่อยอดในการขายคอนเทนต์ใน
ต่างประเทศให้ดียิ่งขึ้น ขณะที่ปัจจุบันเริ่มเห็นผลบวกจากกลยุทธ์การขยายรายได้จากตลาดภาพยนต์ โดย
การจับมือกับทาง MPIC ผลิตภาพยนตร์ร่วมกัน โดยมีแผนจะสร้างราว 1-2 เรื่องต่อปี
คงคำแนะนำ “ซื้อ”
เราคาดว่าตลาดรับรู้ผลประกอบการที่ชะลอตัวในปี 2565 ไปแล้วพอสมควร คาดว่าจะกลับมาเติบโตอีก
ครั้งในปี 2566 ตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมโฆษณา เราคงมูลค่าพื้นฐานในปี 2566 ที่ 12.50 บาท
โดยอิงวิธี DCF ที่ WACC ที่ 7.9%

 

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://demo.mitihoon.com/

Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon

Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770

Tiktok : www.tiktok.com/