เจาะ”กลุ่มการแพทย์” หุ้นตัวไหนเด่นสุด?

730
การเปิดประเทศของหลายๆประเทศเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติยังส่งผลดีต่อหุ้น “กลุ่มการแพทย์” โดยเฉพาะกลุ่มที่เจาะลูกค้าต่างประเทศซึ่งสัญญาณดีต่อเนื่อง หลังทั่วโลกผ่านช่วงวิกฤตโควิด-19 แล้วใครหุ้นในกลุ่มนี้ตัวไหนจะเติบโตเด่น จากบทวิเคราะห์ บล.กสิกรไทยระบุว่า คาดว่าจำนวนคนไข้จากจีนที่ฟื้นตัวขึ้นจะช่วยกระตุ้นรายได้จากคนไข้ต่างชาติของโรงพยาบาลเอกชน
ลูกค้า 3 ประเทศหลักเริ่มฟื้น
ทั้งนี้ สัดส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวจาก 3 ประเทศหลักคือ ตะวันออกกลาง (ME) กลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน (CLMV) และจีน โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักมาจากกลุ่ม ME เมื่อไทยเปิดประเทศในเดือนพ.ย.2564 ตามมาด้วยกลุ่ม CLMV เมื่อไทยเปิดพรมแดนเดือนพ.ค.65 โดยพบว่า รายได้ผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้นมากของ BH และ PR9 ซึ่งมาจาก ME และ CLMV เป็นหลักตามลำดับ ส่วนจำนวนคนไข้ชาวจีนที่ฟื้นตัวขึ้นจะช่วยขับเคลื่อนให้รายได้ผู้ป่วยต่างชาติสูงขึ้นเช่นกัน
ประกันสังคมหนุน รพ.ระดับทุติยภูมิและรพ.รัฐ
นอกจากนี้การปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาลและบริการที่เพิ่มขึ้นภายใต้โครงการประกันสังคม การปรับขึ้นอัตราค่ารักษาที่จ่ายให้ รพ. ประกันสังคมครั้งล่าสุดคือในเดือนก.ค.2560 และ ม.ค.2563 โดยระยะห่างกัน 2.5 ปี ขณะที่นับตั้งแต่เดือนม.ค.2563 – ม.ค.2566 คิดเป็นเวลา 3 ปีแล้วที่ยังไม่มีการปรับค่ารักษาพยาบาล อิงจากการคำนวณมูลค่าอ่อนไหว (Sensitivity) โดยพบว่าทุกๆอัตราค่ารักษาพยาบาลที่ปรับเพิ่มขึ้น 1% จะเพิ่ม upside 1-2% ของราคาเป้าหมายหุ้นรพ. ประกันสังคมที่เราวิเคราะห์อยู่(BCH, CJH, RJH และ VIBHA)  
สปสช.เซ็น MOU กับ รพ. 10 แห่ง
อย่างไรก็ตาม สำนักงานประกันสังคมได้เซ็น MOU กับ รพ. 10 แห่ง เพื่อทำการผ่าตัดเฉพาะด้านให้กับผู้ประกันตนโดยตรง ไม่ต้องมีเอกสารส่งต่อ และมีระยะทดลอง 6 เดือน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนว่า รพ. ที่ให้บริการประกันสังคมระดับตติยภูมิมีโอกาสที่เข้าถึงฐานผู้ประกันตนของ รพ.ระดับทุติยภูมิและรพ.รัฐมากขึ้น จึงมีมุมมองเป็นบวกต่อกลุ่มนี้มากขึ้น
ชู EKH-BDMS เด่นสุด
ฝ่ายวิจัยชอบ EKH(เป้า 9.60บ.) และ BDMS (เป้า 33.90บ.)เนื่องจากน่าจะได้ประโยชน์มากที่สุดจากการเปิดประเทศของจีน ทั้งนี้ ก่อนโควิด-19  รายได้คนไข้จีนที่ศูฯย์ IVF คิดเป็นสัดส่วนที่ 20% ของรายได้รวม ของ EKH ขณะที่ BDMS เป็น ร.พ.ที่ต่างเป้ารายได้จากจีนและอยู่ในตำแหน่งที่ดีจะรองรับการเจ็บป่วยของนักท่องเที่ยวได้
คนไข้ตะวันออกกลาง-ยุโรปและออสเตรเลียเพิ่มขึ้น
ด้านบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ปะะเทศไทย) ระบุว่า  คาดรายได้คนไข้ต่างชาติคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปี 23F…และสูง กว่าก่อนโควิดราว 11%  เพราะความต้องการใช้บริการทางการแพทย์จากตะวันออกกลาง, CLMV และจีนเพิ่มขึ้น รวมถึงมีดีมานด์ในส่วน long-stay มากขึ้นด้วย โดยเฉพาะจากทางคนยุโรปและออสเตรเลีย นอกจากนั้นมีอุปสงค์ใหม่และตลาดใหม่เข้ามา เช่น ซาอุดิอาระเบีย และบังคลาเทศ
ระยะยาวสังคมสูงวัยขยายใหญ่ขึ้นหนุนกลุ่มการแพทย์โต
จากสังคมสูงวัยที่จะขยายใหญ่ขึ้น, ไทยเป็นเป้าหมายแรกๆ ของการท่องเที่ยวของต่างชาติ และมีการทำประกันสุขภาพกันมากขึ้น จากข้อมูลของ TDRI ล่าสุดระบุว่าค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของคนไทยจะเพิ่มขึ้นมากจาก 4.36 แสนล้านบาทในปี 2019 เป็น 1.41-1.83 ล้านล้านบาทในปี 2030
ระยะสั้นเชียร์ลงทุน “BDMS-EKH”
ในช่วงสั้นให้น้ำหนักลงทุน Neutral โดยมีหุ้น Top picks คือ  BDMS (ราคาพื้นฐาน 34 บาท) และ EKH (ราคาพื้นฐาน 10 บาท) โดยชอบ BDMS ที่ได้อานิสงค์จากคนไข้ไทยและคนไข้ต่างชาติฟื้นตัว มีเครือข่ายร.พ.ใหญ่มากในประเทศไทย รวมถึงมี wellness ด้วย ส่วน EKH มีจุดเด่นเรื่องการกลับเข้ามาของคนไข้จีนที่นิยมเข้ามาทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ที่ร.พ.นี้ เนื่องจากมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีชื่อเสียงดีมาก
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://demo.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon