MINT เดินหน้าสู่การเติบโตปี 66 ลุย 3 กลุ่มธุรกิจหลัก รับอานิสงส์ท่องเที่ยว – ไลฟ์สไตล์คึกคัก พร้อมออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ชุดใหม่ สานต่อความผูกพันแห่งความสำเร็จ

44

มิติหุ้น – บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ “MINT” เปิดเผยความสำเร็จของธุรกิจปี 2565 ชี้ทุกกลุ่มธุรกิจเติบโตทำกำไรต่อเนื่อง จากเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว และการกลับมาของนักท่องเที่ยวหลังการผ่อนคลายมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 และการเปิดประเทศทั่วโลก โดยในปี 2566 พร้อมเดินหน้าผลักดันธุรกิจกลับสู่การเติบโต ด้วยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจและแผนการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพครอบคลุม ผ่านการดำเนินงานใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ไมเนอร์ ฟู้ด และไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์ เพื่อรองรับการแข่งขัน รวมถึงความต้องการของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งคาดการณ์ว่าทุกกลุ่มธุรกิจของ MINT จะเติบโตจากอานิสงส์ของปัจจัยบวกดังกล่าว ควบคู่ไปกับมาตรการเชิงรุกเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นของฐานะทางการเงินของบริษัทในระยะยาว และเพื่อสานต่อความผูกพันแห่งความสำเร็จล่าสุด MINT ขยายศักยภาพเพิ่มโอกาสการลงทุนด้วยการเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิ์ที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ชุดใหม่ ครั้งที่ 1/2566 แก่นักลงทุนทั่วไปเป็นระหว่างวันที่ 7 – 9 กุมภาพันธ์นี้ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำทั่วประเทศ อันเป็นส่วนหนึ่งของการต่อยอดความสำเร็จและโอกาสทางธุรกิจแก่นักลงทุนตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย

มร. ดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ “MINT” กล่าวว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจของ MINT ในปี 2565 ที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากปัจจัยการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจโลก รวมถึงสถานการณ์ของภาคการท่องเที่ยวที่กลับเข้าสู่สภาวะก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอานิสงส์เชิงบวกดังกล่าว ได้ส่งผลให้ผลประกอบการของทุกกลุ่มธุรกิจในเครือไมเนอร์ ได้แก่ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ไมเนอร์ ฟู้ด และไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์ มีอัตราการทำกำไรที่เป็นบวกทั้งหมด โดยผลประกอบการรวมในปีที่ผ่านมาสามารถพลิกกลับมาทำกำไร และมีรายได้รวมสุทธิมากกว่าการดำเนินงานของบริษัทในช่วงเวลาก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2562

มร. ดิลลิป กล่าวต่อว่า สำหรับปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทได้สร้างรากฐานที่แข็งแกร่งเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการฟื้นตัว ทำให้ในปี 2566 บริษัทพร้อมเดินหน้า “กลับสู่การเติบโต” (Back to growth) อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการวางแผนกลยุทธ์ 3 ปี ซึ่งมุ่งเน้นในการเสริมสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งและขยายพอร์ตโฟลิโออย่างต่อเนื่อง การเพิ่มประสิทธิภาพและอัตราการทำกำไร การผนึกกำลังพันธมิตรเพื่อการเติบโต รวมทั้งการปรับปรุงศักยภาพด้านดิจิทัล บุคลากร และการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยบริษัทเตรียมความพร้อมต้อนรับการกลับมาเปิดพรมแดนระหว่างประเทศและการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ในฐานปฏิบัติการของบริษัททั่วโลก สำหรับประเทศไทยได้มีการคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นจากราว 11 ล้านคนในปี 2565 เป็น 22 ล้านคนในปี 2566 โดยตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอีกหลังจากการเปิดประเทศจีนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ และจะช่วยในการกระตุ้นกำลังซื้อให้กลับมาคึกคัก อันเป็นผลดีต่อทุกกลุ่มธุรกิจของ MINT ซึ่งจะได้รับอานิสงส์เชิงบวกดังกล่าวอีกด้วย

สำหรับกลุ่มธุรกิจ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ในปี 2566 พบสัญญาณการเติบโตที่แข็งแกร่ง จากแนวโน้มการจองห้องพักล่วงหน้าที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไม่มีสัญญาณการชะลอตัวของความต้องการของลูกค้าในการเดินทางพักผ่อน โดยบริษัทจะมีการเพิ่มอัตราการเข้าพักและการปรับขึ้นราคาห้องพักให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นภายหลังการยกเลิกข้อจำกัดในการเดินทาง พร้อมขยายการให้บริการนักเดินทางกลุ่มธุรกิจ ควบคู่กับการผลักดันกลยุทธ์เชิงการตลาดให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

ด้านกลุ่มธุรกิจ ไมเนอร์ ฟู้ด ยังคงมุ่งสร้างรายได้ผ่านทุกช่องทางการขาย ในขณะที่เสริมสร้างโครงสร้างต้นทุนเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรโดยรวมต่อไป ผ่านความคิดริเริ่มใหม่ ๆ เช่น ร้านค้ารูปแบบใหม่ แพลตฟอร์มลอยัลตี้โปรแกรมระหว่างลูกค้าและแบรนด์ ตลอดจนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อสร้างความตื่นเต้นทางการตลาด ซึ่งจะเป็นเป้าหมายหลักในการเป็นผู้นำทางด้านร้านอาหารและครองส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทต่อไป ขณะที่กลุ่มธุรกิจไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์ ได้มีการขานรับการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซ โดยการดำเนินธุรกิจซึ่งมุ่งเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางมากขึ้น รวมถึงการสร้างประสบการณ์การซื้อสินค้าที่ผสมผสานได้อย่างกลมกลืน       ระหว่างช่องทางหน้าร้านและช่องทางออนไลน์ ผ่านการเลือกสรรผลิตภัณฑ์ การตั้งราคา และการเพิ่มช่องทางการชำระเงิน ควบคู่ไปกับการรักษาฐานลูกค้าเดิม เพิ่มลูกค้าใหม่ และการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า ซึ่งทั้งหมดนี้ MINT เชื่อมั่นว่าในปี 2566 ภาพรวมบริษัทจะมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยการต่อยอดแรงหนุนจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ รวมถึงเป็นการสร้างความมั่นคงเพื่อการเติบโตในระยะยาวของธุรกิจ ซึ่งจะสามารถสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของบริษัทได้เป็นอย่างดี มร. ดิลลิป กล่าวสรุป

ด้าน นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ “MINT” เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการเดินหน้าสร้างการเติบโตเต็มรูปแบบ (Back to growth) ในปี 2566 นี้ ตลอดจนเพื่อเป็นการต่อยอดความแข็งแกร่งและความมั่นคงของบริษัทตลอด 50 ปี  MINT จึงมุ่งสร้างสายสัมพันธ์แห่งความสำเร็จ ภายใต้แนวคิด Bond with us” ระหว่างบริษัท ผู้บริโภค และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคน โดยได้เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ชุดใหม่ ครั้งที่ 1/2566 ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกหุ้นกู้ในระดับ “A” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” และอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ชุดใหม่นี้ ในระดับ “BBB+” โดยบริษัท ทริส เรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2565 โดยบริษัทคาดว่าจะเปิดจองซื้อหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ชุดใหม่ แก่ประชาชนเป็นการทั่วไประหว่างวันที่ 7 – 9 กุมภาพันธ์นี้ ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำทั่วประเทศ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส โดยบริษัทเชื่อว่าจะสามารถใช้ประโยชน์จากแบรนด์และทรัพย์สินที่มีคุณภาพสูงเพื่อสร้างรายได้ และผลักดันผลกำไรและผลตอบแทนให้กับผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมดได้อย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องในระยะยาว ซึ่งผู้สนใจลงทุนสามารถติดต่อสถาบันการเงินทั้ง 11 แห่งได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

 

 

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://demo.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon