JMT เคาะอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้อายุ 3 ปี ที่ 4.10% เสนอขาย 4 – 6 ตุลาคมนี้

59

มิติหุ้น  –  JMT ประกาศอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้อายุ 3 ปี ที่ 4.10% ระดมทุนไม่เกิน 3,375 ล้านบาท กำหนดเสนอขายวันที่ 4 – 6 ตุลาคมนี้ ผ่าน 6 สถาบันการเงินชั้นนำ เดินหน้าสานต่อความสำเร็จธุรกิจบริหารหนี้ รองรับภาพรวมหนี้ในระบบพุ่งสูง มั่นใจได้รับการตอบรับ จากผลตอบแทนอยู่ในระดับที่น่าสนใจ ชูผลการดำเนินงานเติบโตโดดเด่น อนาคตไกล สร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ลงทุน
                นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT (“บริษัทฯ”) ผู้นำธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ ธุรกิจให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้ ธุรกิจนายหน้าประกันภัย และธุรกิจประกันภัย  เปิดเผยว่า JMT เดินหน้าเสนอขายหุ้นกู้ระยะยาวอายุ 3 ปี ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2568 ซึ่งได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.10% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน มูลค่าที่ตราไว้หน่วยละ 1,000 บาท กำหนดราคาที่เสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท เสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ โดยมีมูลค่าการเสนอขายรวมในครั้งนี้ไม่เกิน 3,375 ล้านบาท
บริษัทฯ เตรียมนำเงินทุนที่ได้ใช้สนับสนุนการขยายธุรกิจ รองรับการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหาร สร้างเสถียรภาพด้านการบริหารต้นทุนทางการเงินและดอกเบี้ย รับโอกาสจากภาพรวมหนี้เสียในระบบที่ปรับตัวขึ้น รวมถึงนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ ขณะที่ ผลการดำเนินงานของ JMT มีความแข็งแกร่ง แม้ภายใต้วิกฤตจากสถานการณ์โควิดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ด้วยปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุน แต่ด้วย JMT  มีรูปแบบธุรกิจที่สามารถสร้างโอกาสได้ทั้งในภาวะเศรษฐกิจขาขึ้นและชะลอตัว จึงสนับสนุนให้วันนี้ JMT เป็นผู้นำธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพภาคเอกชนรายใหญ่ของไทย และเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
สำหรับผลงานในช่วงโค้งสุดท้ายของปี JMT เตรียมลุยซื้อหนี้โตแบบติดสปีด จาก ณ งวดครึ่งปีแรก มีพอร์ตบริหารหนี้ด้อยคุณภาพทะลุ 2.38 แสนล้านบาท
“เรามั่นใจว่า หุ้นกู้ของ JMT จะได้รับการตอบรับที่ดี ด้วยผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นกู้ที่ออกมาครั้งนี้ เมื่อพิจารณาร่วมกับอันดับเครดิต โดยทริสเรทติ้งจัดอันดับความน่าเชื่อถือบริษัทและหุ้นกู้ที่ระดับ “BBB+” แนวโน้ม “คงที่ (Stable)” จะสามารถตอบโจทย์ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ ภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และความเชื่อมั่นต่อบริษัทฯ มีแนวโน้มผลประกอบการอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น สามารถสร้างการเติบโตที่มั่นคง ควบคู่การบริหารกระแสเงินสดได้อย่างแข็งแกร่ง” นายสุทธิรักษ์ กล่าว

@mitihoonwealth

https://lin.ee/cXAf0Dp