วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน

60

 

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังซาอุดีอาระเบียปรับลดกำลังการผลิต และการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ

– ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันจากการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 3 ในการประชุมเดือนก.ย. ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เผชิญภาวะถดถอย และทำให้ความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัวลงด้วย อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากซาอุดีอาระเบียส่งสัญญาณพร้อมปรับลดกำลังการผลิตเพื่อรับมือกับความท้าทายในตลาด

– การเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านมีความคืบหน้ามากขึ้นหลังสหรัฐฯ แจ้งว่าพร้อมที่จะบรรลุข้อตกลงกับอิหร่านตามข้อเสนอของอียู ซึ่งหากอิหร่านและชาติตะวันตกสามารถบรรลุข้อตกลง ก็จะให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันในตลาด

– ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงจากภาวะขาดแคลนพลังงานในพื้นที่ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ มีแนวโน้มกดดันความต้องการใช้พลังงาน ขณะที่รัฐบาลจีนอยู่ระหว่างการพิจารณาออกมาตรการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ อาทิเช่น การปล่อยสินเชื่อ เป็นต้น

+ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า กลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตร สามารถปรับแนวทางในการรับมือกับตลาดและราคาน้ำมัน ซึ่งรวมถึงการปรับลดกำลังการผลิต

ราคาน้ำมันเบนซิน-ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากอุปสงค์การนำเข้าน้ำมันของปากีสถาน เนื่องจากความคาดหวังว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ อีกทั้งเกาหลีใต้คาดปรับลดกำลังการผลิต หลังอุปสงค์ภายในประเทศต่ำ จากน้ำท่วมรุนแรงในกรุงโซล

ราคาน้ำมันดีเซล-ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ อุปสงค์ในภูมิภาคยังทรงตัว ในขณะที่โรงกลั่นในภูมิภาคกำลังเพิ่มการผลิต และคาดว่าจะได้รับแรงหนุนของอุปสงค์จากภาคตะวันตกเพิ่มขึ้น

 

@mitihoonwealth

https://lin.ee/cXAf0Dp