มิติหุ้น-ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.75% สู่ระดับ 1.5% – 1.75% นับเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1994
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟด ระบุว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯมีแนวโน้มดีขึ้นหลังจากหดตัวในQ1/65 เนื่องจากตัวเลขการจ้างงานที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่จากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นได้สะท้อนให้เห็นถึงความไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทาน รวมถึงผลักดันให้ราคาพลังงานและสินค้าเพิ่มขึ้นตามมา ทำให้เฟดต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ โดยเฟดยังคาดหวังว่าจะสามารถทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับไปอยู่ในระดับเป้าหมายที่ 2% ได้ในอนาคต
คณะกรรมการบริหารของเฟดยังได้คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐฯจะเพิ่มขึ้นไปถึงระดับ 3.4% ภายในสิ้นปีนี้ หรือปรับขึ้นอีก 1.75% ในการประชุมที่จะมีขึ้นอีก 4 ครั้งต่อจากนี้ และคาดการณ์ว่าอาจเพิ่มขึ้นเป็น 3.8% ในปี 2566
@mitihoonwealth
