รายงานพิเศษ “Q3 เน้น Play safe ต้องมี 8 หุ้น หลุมหลบภัย”

3537

ตัวเลขของจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 ของประเทศไทย ที่เดินหน้าทำ All Time High กันอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาครัฐต้องยกระดับมาตรการ Lockdown ที่เข้มข้นขึ้น   และมีความคาดการณ์กันว่า หากมาตราการปัจจุบันยังไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ดี อาจต้องเพิ่มความเข้มงวดขึ้น จนนำมาสู่การ Lockdown 100%

ในมุมมองของ บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ทำให้สำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจต่างๆ เริ่มเดินหน้าทยอยปรับลดประมาณการ GDP ไทยปี 2564 อย่างต่อเนื่อง จนอยู่ในระดับประมาณ 1% และ ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาด ประมาณการ GDP ที่ 1.8% เมื่อเดือน มิ.ย. 2564 มี Downside ชัดขึ้น ซึ่งการฟื้นตัวที่ล่าช้าของเศรษฐกิจไทยจะเป็นแรงกดดันให้ตลาดหุ้นไทย Underperform ต่อไปอีกระยะหนึ่ง โดยเฉพาะกลุ่มที่เผชิญผลกระทบสูง เช่น ท่องเที่ยว, ขนส่ง, ค้าปลีก, ก่อสร้าง, บันเทิง, ศูนย์การค้า เป็นต้น

ฝ่ายวิจัย จึงพยายามทำการค้นหากลุ่มหุ้นที่ตลาดให้น้ำหนักว่าน่าจะปลอดภัยจาก COVID-19 โดยดูจากผลตอบแทนเป็นราย Sector ตั้งแต่ช่วงที่มีความกังวลโควิดสายพันธ์เดลต้า รวมถึงการกระจายวัคซีนเริ่มเบาลง (ช่วง 15 มิ.ย. – 21 ก.ค. 64) พบว่า มีกลุ่มหุ้นที่ Outperform เด่น หรือให้ผลตอบแทนเป็นบวก คือ กลุ่ม PKG, ETRON, HELTH, FOOD และ AGRI

โดยได้เลือกหุ้นที่ทั้งงบไตรมาส 2/64 ดี และงวดไตรมาส 3/64 ปลอดภัยเมื่อเทียบกับภาพรวมตลาด ซึ่งต้องเป็นหุ้นที่ทำ Earning Preview งบไตรมาส 2/64 ออกมาดี (เติบโต yoy หรือ qoq),เป็นหุ้นที่ถูกผลกระทบจาก COVID-19 ระลอกใหม่จำกัด อาทิ กลุ่ม ICT, กลุ่มร.พ., กลุ่ม Packaging รวมถึงหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ได้ประโยชน์จากบาทอ่อนค่า รวมถึงหุ้นปันผลสูงที่มีการจ่ายปันผลระหว่างกาล และ เป็นหุ้นที่มี Upside > 0 และฝ่ายวิจัยแนะนำ “ซื้อ”

ทั้งนี้ จึงได้ 8 หุ้นที่งบ Q2/64 ดี และงวด Q3/64 “ปลอดภัย น่าลงทุน” ประกอบด้วย MCS (เป้า 21.00 บาท), ADVANC (เป้า 220.00 บาท), TMT (เป้า 12.40 บาท), NER (เป้า 9.50 บาท), JMART (เป้า 42.00 บาท), TU (เป้า 24.00 บาท), BDMS (เป้า 24.00 บาท) และ SCPG (เป้า 65.00 บาท)

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp