STPI ขายบ.ย่อย กำเงินกว่า 674ลบ. ขายหวังนำเงินขยายธุรกิจ

423

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.เอสทีพี แอนด์ ไอ (STPI) โดยนายมาศถวิน ชาญวีรกูล กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า มติคณะกรรมการมีมติอนุมัติขายกิจการที่มีเฉพาะสินทรัพย์ดำเนินงาน(Operating Assets) โดยจำหน่ายหุ้นทั้งหมดจำนวน 13,500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ซึ่งถือโดยSTPI จำนวน 13,499,993 หุ้น และผู้ถือหุ้นรายย่อย 4 ราย จำนวน 7 หุ้น ให้กับ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC) ราคาหุ้นละ 49.962 บาท รวมมูลค่า 674,487,000 บาท เบื้องต้นคาดจะแล้วเสร็จภายในปีนี้โดยบริษัทคาดว่าจะบุ๊กกำไรปีนี้ทั้งก้อนราว 500 ล้านบาท

โดยแบ่งการชำระดังนี้ 1) ชำระงวดที่ 1 จำนวน 50,000,000 บาท ในวันที่การซื้อขายเสร็จสมบูรณ์

2) ส่วนที่เหลือ จำนวน 624 ล้านบาท ผ่อนำระภายใน 3 ปี โดยจะข้าระตอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 1.68 ต่อปี

a. ภายในเดือนพฤศจิกายน 2564 จำนวนร้อยละ 40 ของส่วนที่เหลือ ประมาณ 250 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย

b. ภายในเดือนพฤศจิกายน 2565 จำนวนร้อยละ 30 ของส่วนที่เหลือ ประมาณ 187 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย

c. ภายในเดือนพฤศจิกายน 2566 จำนวนร้อยละ 30 ของส่วนที่เหลือ ประมาณ 187 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย

และยังมีเงื่อนไขดังนี้

1.STPI ต้องจำหน่ายที่ดินโฉนดเลขที่ 146558 เนื้อที่ 10-1-13.7 ไร่ ตั้งอยู่ที่ จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ที่ตั้งสำนักงานให้แก่ STIT ในมูลค่า 63,762,350 บาท

2.STP ต้องซื้อหุ้นบริษัท เอสทีไอที 2011 จำกัด (“ST2011 -บริษัทย่อยของ STIT) ในมูลค่าเท่ากับมูลค่า ตามบัญชีปรับปรุงด้วยประมาณการค่าใช้จ่ายที่ปรึกษากฎหมาย จำนวน 8 ล้านบาท (ตามงบการเงิน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 จะมีจำนวน 65,251,956 บาท) และรายการภาษีตามที่ได้รับ และ/หรือ ชนะคดี จริง

3.STPI ต้องเจรจากับสถาบันการเงิน เพื่อคงวงเงินสินเชื่อเดิมที่ STIT มีอยู่

 

อย่างไรก็ตาม การชำระเงินในงวดสุดท้ายจะถูกปรับปรุงตามงบการเงิน ณ วันซื้อขายเสร็จสมบูรณ์รวมถึง มูลค่าหุ้น STIT201 ที่ปรับปรุงรายการภาษีตามที่ได้รับ และ/หรือ ชนะคดิจริง  นอกจากนี้ STEC จะต้องจำนำหุ้น STIT เท่ากับส่วนที่ยังไม่ระเงินให้กับทาง STPI เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้และ จะทยอยใส่ถอนหลักประกันตามจำนวนเงินที่ได้มีการชำระ

ทั้งนี้รายการดังกล่าวเป็นรายการเกี่ยวโยงกัน คือ 1.ผู้ถือหุ้นใหญ่ STPI เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน STEC  และ 2. ยังมีกรรมการร่วมกันระหว่าง STEC และ STPI คือ นายมาศถวิน ชาญวีรกูล และนายชำนิ จันทร์ฉาย และ พลตำรวจเอก เจตน์ มงคลหัตถี ซึ่งบริษัทคาดหวังผลประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการขายบริษัทย่อยดังกล่าว คือ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมในปัจจุบัน  โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้รับจากการจำหน่ายเงินลงทุนในกิจการไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและใช้ในการขยายธุรกิจของบริษัทฯอันเป็นการสอดคล้องกับนโยบายของบริษัท

www.mitihoon.com