กลุ่มปิโตรฯ –TOP, PTTGC รับอานิสงส์ โรงงานปิโตรฯหลายแห่งเลื่อนเปิดดำเนินการ 

325

ทางหลักทรัพย์กรุงศรีได้ทบทวนแนวโน้มธุรกิจของสาย polyester ใหม่อีกครั้ง และมองว่ากำลังการผลิตของ PX ใหม่ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปี 2018-19 จะไม่มากเหมือนที่วิตก และ คาดว่าตลาด PX จะยังเป็นขาขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปี 2020 ทั้งนี้ spread ของ PX ที่ดีดตัวขึ้นในช่วงนี้ ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีที่ US$680/ton จะสามารถยืนระยะได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับการเพิ่มการผลิตของโรงงาน PetroRabigh (1.35 ล้านตัน) และ PetroVietnam (700k ตัน) ที่เปิดดำเนินการมาแล้วและปัจจุบันเดินเครื่องอยู่ที่ 50% จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้มากขึ้นแค่ใหน และกำลังการผลิตใหม่ของโรงงาน PX ของ Saudi Aramco กำลังการผลิต 900K ที่จะเข้าสู่ตลาดในปี 2019 จะทำการผลิตได้เต็มที่หรือไม่

อย่างไรก็ตามเรามองว่ากำลังการผลิตใหม่ที่จะเพิ่มเข้ามาในปี 2018/19 คิดเป็นอัตราการเติบโตเพียง 4.0% และ 2.0%ซึ่งยังน้อยกว่าเมื่อเทียบกับอุปสงค์ที่โตถึงปีละ 5.1% ดังนั้น เราจึงเชื่อว่าสถานการณ์ด้านอุปสงค์และอุปทานที่ตึงตัวจะผลักดันให้ ตลาด PX ยังเป็นขาขึ้นต่อไป

ด้านตลาด PTA โดยรวมเราคาดว่าจะยังไม่มีกำลังการผลิตใหม่ของ PTA เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2018 และปี 2019 เช่นกัน เพราะตามแผนการลงทุน ปีนี้จะมีโรงงาน PTA ใหม่เปิดดำเนินการ 2 แห่ง ในจีน และ อินเดีย อย่างไรก็ตามโรงงานของจีนกำลังประสบปัญหาขาด feedstock PX ในขณะที่ JBF ในอินเดียต้องเผชิญปัญหาในการปรับโครงสร้างหนี้ ส่งผลให้ทั้ง 2 โรงงานยังไม่สามารถเปิดทำการผลิตในปีนี้ได้

ส่วนตลาดผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก PET คาดว่าจะมีกำหลังการผลิตเพิ่มขึ้นต่ำกว่าที่เคยประกาศไว้ โดยปัจจุบันทั่วโลกมีกำลังการผลิต PET ประมาณ 28 ล้านตัน โดยตลาดคาดว่าจะมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มขึ้นในช่วงปี 2018-2019 ประมาณ 2.75 ล้านตัน แต่จากรายงานฉบับล่าสุดของ Wood Mackenzie Chemicals ระบุว่า กำลังการผลิตใหม่ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภูมิภาคเอเชีย อาจจะเปิดดำเนินการได้ช้ากว่าแผน ส่งผลให้แนวโน้มราคาและส่วนต่างผลิตภัณฑ์ของ PET จะยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นได้อีกทั้งในปีนี้และปีหน้า

ด้วยปัจจัยบวกข้างต้นเราคาดว่าจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการในกลุ่ม ปิโตรฯเคมีโดยตรง เราจึงให้นำหนักการลงทุนของหุ้นปิโตรฯ เป็น OVERWEIGHT โดย TOP และ PTTGC จะได้อานิสงส์จากตลาด PX ที่ตึงตัว ในขณะที่ IVL จะได้อานิสงส์จากวัฏจักรราคาของ PET ที่ยาวขึ้น โดย TOP มีกำลังการผลิต PX 527k ตัน (aromatics 838k ตัน) กำไรจาก aromatics คิดเป็นสัดส่วน 10% ของประมาณการกำไรปี FY19F (เทียบกับ 9% ใน 1H18)

ส่วน PTTGC มีกำลังการผลิต PX 1.3 ล้านตัน (aromatics 2.4 ล้านตัน) กำไรจาก aromatics จะคิดเป็นสัดส่วน 8% ของประมาณการกำไรปี FY18F (จาก 5% ใน 1H18 เนื่องจาก spread ต่ำ) ส่วน IVL เราคาดว่ากำไรจาก PTA (รวม feedstock ทั้งหมด) และ PET จะคิดเป็น 42% และ 40% ของกำไรในปี FY18F (จาก 45% และ 37% ในปี 1H18)

โดยบริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี จำกัด (มหาชน)

www.mitihoon.com