เศรษฐกิจไทยเป็นบวกหนุนเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้า

57

สัปดาห์สุดท้ายของเดือนสิงหาคม มีภาวะตลาดและสถานการณ์เศรษฐกิจค่อนข้างน่าสนใจหลายเรื่องทีเดียว แรงซื้อที่มีเข้ามาในตลาดหุ้นไทยช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าภาพรวมของตลาดเกิดใหม่นั้นดูดีขึ้น เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติเริ่มมองหาการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ที่มีเศรษฐกิจและดุลการค้าที่ดี และไม่น่ากลัวเหมือนตลาดตรุกีหรือบราซิล อีกทั้งตัวลข GDP ไตรมาส 2 และตัวเลขการส่งออกของไทยที่ออกมาดี ตลาดหุ้นไทยจึงค่อนข้างน่าสนใจ เม็ดเงินจึงไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นแต่ยังน้อยกว่าตลาดตราสารหนี้ที่มีเม็ดเงินลงทุนมากกว่า เพราะคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยไทยจะปรับเพิ่มขึ้น

ส่วนสัปดาห์นี้ SET Index วันทำการแรกปิดตลาดที่ 1,717.24 จุด + 0.79 จุด หลังถ้อยแถลงของประธาน Fed ณ Jackson Hole ล่าสุดที่ระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯจะไม่เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย ถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดและค่าเงินดอลลาร์รวมถึงผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปีอ่อนตัวลง ทำให้สกุลเงินในเอเชียจึงแข็งค่าขึ้น ซึ่งเป็นผลทำให้นักลงทุนชะลอการขายหุ้นออกไป

ทั้งนี้ตลาดหุ้นไทย มีแรงซื้อจากนักลงทุนทั่วไปที่เข้ามาเก็งกำไรในกลุ่มหุ้นที่ราคาปรับตัวลงไปมาก แต่กลุ่มนักลงทุนสถาบันยังไม่มีแรงซื้อเข้ามากนัก ซึ่งสภาพตลาดในช่วงนี้ก็มีทั้งข่าวบวกและข่าวลบเข้ามา โดยนอกเหนือจากข่าวบวกในเรื่องทิศทางดอกเบี้ยของ Fed แล้ว  ข่าวในเชิงลบก็มีเรื่องการค้าของสหรัฐฯกับจีน ที่ยังเจรจาไม่ชัดเจนและมีแนวโน้มว่าสหรัฐฯจะเริ่มความรุนแรงในการขึ้นภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นอีก รวมไปถึงความไม่มั่นใจในตัวประธานาธิบดี ทรัมป์ ด้วย  ดังนั้นทิศทางตลาดสัปดาห์นี้น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบประมาณ 1,680-1,720 จุด เป็นภาวะตลาดในลักษณะที่กำลังรอข่าวใหม่ๆ เข้ามา

อย่างไรก็ตามแม้ว่าการลงทุนจะมีความผันผวน แต่นักลงทุนค่อนข้างจะคุ้นชิน ซึ่งเมื่อเกิดข่าวในด้านลบจนหุ้นตก ตลาดก็จะเกิดแรงซื้อกลับเข้าไป ซึ่งตลาดที่ขึ้นๆลงๆ การจับจังหวะลงทุนในลักษณะ “ลงซื้อ ขึ้นขาย” แบบนี้ ผมมองว่าค่อนข้างจะให้ผลตอบแทนที่ดีในสภาวะตลาดที่ไม่มีทิศทางที่ชัดเจนเช่นนี้

สำหรับการลงทุนในต่างประเทศ สัปดาห์นี้ตลาดประเทศพัฒนาแล้ว (DM) อย่างสหรัฐฯ ยังคงเป็นประเทศที่น่าสนใจแก่การลงทุนโดยในวันที่ 29 สิงหาคม จะมีการรายงานตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 2 คาดว่าจะรายงานออกมาที่ +4% QoQ สูงกว่าช่วงก่อนหน้าที่ +2.2% QoQ ส่งผลให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ น่าจะสามารถแตะเป้าที่ 2.9% ณ สิ้นปีได้  นอกจากนี้การลงทุนในตลาดเกิดใหม่ (EM) ยังถือว่าเป็นช่วงที่น่าสนใจลงทุน เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมาจะช่วยหนุนให้ตลาดเกิดใหม่กลับมาโดดเด่นอีกครั้ง (Outperform)

โดยชาตรี  โรจนอาภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ 

บล. เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST)

               ปรึกษาการวางแผนการลงทุนที่ได้ Private Wealth Management ของ บล.KTBST ได้ที่ 02-648 1449 / 02- 648 -1747 ครับ                                                                              

  (ติดตามข่าวสารการลงทุนได้จาก ”มุมความรู้”https://www.ktbst.co.th/th/knowledge.php)