“D” เดนทัล คอร์ปอเรชั่น ขยายอาณาจักรทันตกรรม

463

เดนทัล คอร์ปอเรชั่น หรือ “D” เช้าจดทะเบียนในตลาด MAI เมื่อปี 2560 โดยให้บริการทางด้านทัตกรรมแบบครบวงจร ปัจจุบันกลุ่มบริษัทมีศูนย์ทันตกรรมและคลินิกทันตกรรมทั้งหมด 13 สาขา และเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ได้มีการประกาศเข้าซื้อธุรกิจทันตกรรมต้นน้ำโดยเข้าซื้อกิจการ Dental Vision ด้วยการซื้อกิจการ Dental Vision หรือ “DV” ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องมือ และอุปกรณ์ทันตกรรมอันดับสองของประเทศไทยที่ราคาไม่เกิน 250 ล้านบาท

โดย D จะได้สิทธิ์ exclusive ในการจัดจำหน่ายอุปกรณ์และวัสดุทัตกรรมของผลิตภัณฑ์กว่า 50 ยี่ห้อ, รวมถึงสินค้าคงเหลือในโกดัง และรับโอนทั้งผู้บริหารและพนักงานของ DV ด้วย โดยในการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ D จะใช้เงินกู้ 200 ล้านบาท และกระแสเงินสดภายในบริษัทอีก 50 ล้านบาท โดยการเข้าซื้อกิจการจะช่วยประหยัดต้นทุนค่าอุปกรณ์ทำฟันได้ปีละอย่างน้อย 8 ล้านบาท

Dental Vision มีรายได้ 447 ล้านบาท, EBIT 47 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 32 ล้านบาท ในปี 2560 ซึ่งบริษัทคาดว่า EBIT จะลดลงเหลือแค่ 34-45 ล้านบาทในช่วงปี FY18-20 เนื่องจากสัญญาการเป็นผู้จัดจำหน่ายแบบ exclusive ของสินค้ายี่ห้อหนึ่งหมดอายุ ทั้งนี้เมื่อใช้สมมติฐานค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ปีละ 8 ล้านบาท (อิงจากอัตราดอกเบี้ยของเงินกู้ 200 ล้านบาทที่ 4%) เราคาดว่าการเข้าซื้อกิจการ Dental Vision จะช่วยหนุนให้กำไรของทั้งเครือเพิ่มขึ้นปีละ 8-25 ล้านบาทในช่วงปี 2561 – 2562

โดยในปีนี้ทางหลักทรัพย์กรุงศรี คาดว่า D จะรับรู้ผลกำไรจาก Dental Vision แค่ 5-6 เดือนเท่านั้น เพราะดีลการเข้าซื้อกิจการน่าจะดำเนินการเสร็จภายใน 3Q18 โดยเรามองว่าดีลนี้เป็นบวกกับ D เพราะจะทำให้บริษํทกลายมาเป็นผู้ให้บริการด้านทันตกรรมแบบครบวงจร ทั้งนี้ ราคาที่เข้าซื้อ Dental Vision ก็ถือว่าไม่แพงเพราะคิดเป็น P/E แค่ 11x เท่านั้น นอกจากนี้ ที่ผ่านมา D ก็ซื้ออุปกรณ์จาก Dental Vision อยู่ด้วย ดังนั้น เราจึงประเมินว่าการเข้าซื้อกิจการ Dental Vision จะทำให้ต้นทุนของเครือ D ลดลงอย่างน้อยปีละ 8 ล้านบาท

D กำลังเข้าสู่ยุคของการเติบโต โดยบริษัทจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จาก Dental Vision ได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ BIDH หรือ โรงพยาบาลทันตกรรมกรุงเทพ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่มีกำหนดเปิดให้บริการในปีหน้า น่าจะทำให้กำไรของ D จะโตได้ถึง 32% CAGR ในช่วงปี FY17-20F โดยความเสี่ยงหลักได้แก่การที่จำนวนผู้มาใช้บริการ BIDH น้อยเกินคาด

โดยบมจ.หลักทรัพย์กรุงศรีอยุธยา