ติดตามปัจจัยทั้งนอกและภายใน

132

เปิดตลาดไตรมาสที่ 2 มาหุ้นไทยสามารถเปิดตัวบวกในวันทำการแรกได้ แต่ดูเหมือตลาดหุ้นสหรัฐฯไม่เป็นอย่างนั้่น สงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่ตอบโต้กันทำให้หุ้นสหรัฐฯวันทำการแรกของไตรมาสที่ 2 ร่วงลงอย่างหนักและก็สะเทือนมาถึงภูมิภาคเอเชียด้วย หลังจีนประกาศปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯกว่า 128 รายการ จึงเกิดความกังวลว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจทั้ง 2 ประเทศ และบรรยากาศต่อการลงทุน ขณะเดียวกัน ตลาดยังติดตามการประกาศรายชื่อสินจากจีนที่ถูกเรียกเก็บภาษีในวันศุกร์นี้ ที่จะเปิดเผยโดย USTR คาดว่าจะเป็นสินค้ากลุ่มเทคโนโลยี โทรศัพท์มือถือและชิ้นส่วนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ด้วยประเด็นนี้จึงคาดว่าเดือนเมษายนตลาดจะยังเผชิญความผันผวนอยู่เป็นระยะ ขณะเดียวกันเดือนนี้จะมีวันหยุดทำการของไทยหลายวันด้วยตลาดอาจชะลอตัวบ้าง

 

ทั้งนี้ปัจจัยต่างประเทศในระยะนี้ตลาดกำลังจับตาและรับรู้เรื่องของสงครามการค้าอยู่ แต่ปัจจัยในประเทศของไทยก็มีเช่นเดียวกัน นั่นคือความกังวลต่อการกำหนดวันเลือกตั้งซึ่งเป็นประเด็นที่จะมีผลต่อตลาดหุ้นไทยหากเลื่อนกำหนดออกไปอีก  โดย ณ ตอนนี้ตลาดจะให้ความสนใจจเรื่องที่ สนช.กำลังจะมีการยื่น ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ พรป.เลือกตั้ง สส. ในมาตราที่เกี่ยวกับ การตัดสิทธิเป็นข้าราชการการเมืองหากไม่ไปเลือกตั้ง และประเด็นการให้บุคคลอื่นหรือกรรมการประจำาหน่วยลงคะแนนแทนผู้พิการ ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ แต่ต้องรอให้ รัฐบาลส่งร่างกฎหมายดังกล่าว กลับมาให้ทาง สนช. ภายใน 12 เม.ย. ในขั้นตอนนี้หากมีการยื่นตีความด้วยการทวงติงของ ประธาน กรธ. น่าจะมีเหตุให้แก้ไขในบางมาตรา และอาจนำไปสู่การเลื่อนการเลือกตั้ง แต่ ก็จะไม่น่าเกิน 90วัน จากกำหนดการเดิม

 

KTBST ประเมินว่า การเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปในเวลาที่ไม่นาน ถือว่าดีกว่าให้ไปมีการยื่นคัดค้านหลังผลการเลือกตั้งออกไปแล้ว ดังนั้นจึงมุมมองในเชิงบวกเหลือเพียงความคลุมเครือ ความกังวลที่ทำให้มีการขายหุ้นน่าจะลดลง และราคาหุ้นที่ปรับตัวลงจากข่าวนี้ มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น นักลงทุนอาจกลับเข้ามาซื้อเก็งกำไรช่วงสั้น ในหุ้นขนาดใหญ่และหุ้นที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรง อย่าง PTT , CPALL ,KBANK , LH , ADVANC ส่วนหุ้นกลุ่มนิคมฯ WHA , AMATA  แนะนำชะลอลงทุนจนกว่าจะมีความชัดเจนมากกว่านี้

 

ชาตรี  โรจนอาภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ 

บล. เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (KTBST)